ประวัติ อาจารย์สมชาย เฉยศิริ
เกิดเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2515 เป็นบุตรชายคนเล็ก จากพี่น้อง 4 คน มีพี่สาว 2 คน พี่ชาย 1 คน อาจารย์สมชาย เป็นคนที่ 4 บิดาชื่อ นายธยุท เฉยศิริ มารดาชื่อ นางประกายดาว เฉยศิริ ครอบครัวตั้งแต่ดั้งเดิม ประกอบอาชีพประมง ทำฟาร์มหอยนางรม ทำกะปิ ส่งตามร้านค้าต่างๆ อาจารย์สมชาย เฉยศิริ ได้มีอาการป่วยตอนอายุ 15 ปี ตอนนั้นเรียนอยู่มัธยมศึกษาปีที่ 4 /1 โรงเรียนชลกันยานุกูล และ มีอาการเจ็บปวดตามข้อกระดูกและบวมตามมือเท้า ไม่สามารถลุกขึ้นเดินได้ เวลานั้นก็มีคนช่วยพยุง กล้ามเนื้อคอจนถึงปลายมือปลายเท้า อย่างทรมานมาก ไม่สามารถไปเรียนหนังสือได้ มีคุณแม่ของเพื่อนได้เอาดวงไปถามเกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รักษาการแพทย์ปัจจุบันด้วยการฉีดยาสเตอร์รอย หายปวดแค่วันเดียว ข้ามวันก็กลับมาปวดเหมือนเดิม เข้าห้องน้ำก็ต้องให้คนอุ้ม
หลังจากนั้นได้มีคุณแม่ของเพื่อนได้ถามสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นเซียงซือได้ชี้แนะบอกว่า อาจารย์สมชาย ได้รับบัญชาจากสวรรค์ ให้ลงมาเป็นสื่อกลางระหว่างสวรรค์ เพื่อสร้างศาสนสถานของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และให้ถือศีลกินเจ และอาจารย์สมชาย ก็เริ่มกินเจ ในตระกูลเป็นศาสนาพุทธ และคุณปู่ ชื่อ อี่ เฉยศิริ คุณยายลั้น เฉยศิริ คุณปู่สอนให้ อาจารย์สมชาย ทำบุญแล้วเข้าวัด เกี่ยวกับทางพระพุทธศาสนาตลอด และสอนไม่ให้เชื่อการประทับทรง เกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่ครอบครัวคนจีน แต่ด้วยความที่ มีเกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์อาจารย์สมชาย ได้ทานเจ พอทานได้ 15 วัน อาการบวมต่างๆ ได้ยุบลง และเริ่มหายป่วย อาการเจ็บป่วยเริ่มดีขึ้น เริ่มเดินได้ก็เลยเกิดความศรัทธา และกินเจต่อไป ขอต่อพระโพธิสัตว์กวนอิม คืนนั้นก่อนที่จะเดินไมได้ ไปเรียน รด.ที่ค่ายนวมินทรื ได้ฝันเห็น มีเทพสูงชรา แต่งชุดขาวเป็นนักพรตลัทธิเต๋า ผู้มวยผมข้างบนมีปิ่นปัก ถือชุด 5 สี มีธง 5 สี มาให้ ตัวท่านและอาจารย์ก็ลอยอยู่บนเมฆ มองลงมาเป็นหินเป็นภูเขา กว้างเป็นทะเล มองลงมากลายเป็นศาลเจ้าใหญ่โต ก่อนที่ป่วย เช้ามาป่วยเลย เดินไม่ได้เลย กระดุ๊กกระดิ๊กตัวไม่ได้เลย เริ่มจากวันที่ไปฝึก รด. ฝันต่อเนื่องในคืนที่ฝันก่อนที่จะป่วย ไปเจอเทพ 1 องค์ ประทับที่สูง ท่านก็ประทับทรงประทับให้ ตราหยก มีหมวกมาลา มาทราบภายหลังคือ องค์เง็กเซียนฮ่องเต้ องค์ชุดสีขาว ทราบภายหลัง เมื่อประทับทรงแล้ว องค์เทพเจ้าหน้าจาได้บอก คือองค์ คิ้วโก้วกิ้วหลั่งเทียงจุง และได้ไปเฝ้าองค์พระมหาโพธิสัตว์กวนอิม ได้ประทาน แซ่ให้และประทาน แจกันหยกขาว และพร้อมกิ่งหลิว พร้อมคัมภีร์ สวดมนต์ และก็ตัวเองลอยไปถึงเห็นสตรีเทพแต่งเป็นหมวกเป็นหงษ์อัญมณีเต็มตัว มีเทพธิดาทั้งหมดเลย ทราบทีหวังว่าเป็นเอี่ยวตี้กิมบ้อ ได้ประทานธง และชุดและได้ประทานคฑาไม้เท้ามังกร 9 ตัว และได้ประทานกิมกั้ง ประทานตรงหยกจากเอี่ยวตี้กิมบ้อ ทราบภายหลัง ในขณะนั้นครอบครัวและทางบ้าน และญาติก็ยังไม่ทราบเกี่ยวกับสิ่งศักด์สิทธิ์เนื่องจากเป็นคนไทย ไม่ทรบว่าสิ่งที่มาประทับทรงนี้เป็นอะไร อาจารย์สมชายก็เริ่มมีจิตศรัทธา
พอได้กินเจครบ 15 วัน ก็ได้ออกจากเจ จากนั้น ก็มีอาการถ่ายท้องทั้งวันทั้งคืน เป็นอยู่ประมาณ 3 วัน ก็ไม่สามารถกินเนื้อสัตว์ได้ ในขณะนั้น เลยกลับมากินเจ ก็หายจากการถ่ายท้องและการเจ็บป่วย ช่วงที่กินอาการก็ดีขึ้น ไหว้พระมหาโพธิสัตว์กวนอิม แล็วก็มีสิทธิศักสิทธิ์บอกมาว่าให้ไปรับขันธ์ 5 ทางบ้านก็ไม่ยินดี ไม่เชื่อ และก็ไม่รับขันธ์ไม่รับปาก ถ้าจะทรงให้ขอไปอีก 3 ปี เพราะยังอายุน้อย พอครบ อายุ 18 ปี ก็ประมาณเดือนเก้า ปี 2533 เวลา 21.00 น. ก็เริ่มประทับทรง มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ผ่านร่างของอาจารย์มากมาย ในขณะนั้นก็เกิดความกลัว ทางที่บ้านก็ไม่ทรายและคุณพ่อก็ไม่เคยสัมผัสกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขนาดนี้ ก็เกิดความงง มันเกิดอะไรขึ้น ลูก 4 คน เหลือลูกชายคนเดียว เพราะพี่ชายได้เสียไปตั้งแต่ 4 ขวบ อยู่ดีๆ สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาเขียนภาษาจีน พูดภาษาจีน และไม่มีใครแปลและรู้ได้ ไม่ค่อยเชื่อในสิ่งเหล่านี้ และท่านก็ได้แสดงอิทธิฤทธิ์ต่างๆ คุณพ่อก็ไม่เชื่อให้ก็บอกว่าจับไปส่งโรงพยาบาล ทางประสาท และทุกอย่างปรากฏขึ้น คำพูดต่างๆ ทุกอย่างเป็นจริงทำให้ครอบครั้วได้เชื่อ และก็เริ่มรับบัญชา และเริ่มก่อตั้งสร้างเล็ก เมื่อปี พ.ศ. 2534 เดือน สอง สิบเก้า ค่ำ เวลา 09.19 น. เป็นศาลชั่วคราว เพื่อที่จะก่อตั้งศาลใหญ่ในอนาคต ซึ่งในขณะนั้นเองเป็นพื้นที่ของ คุณป้าเสงี่ยม เฉยศิริ ได้มอบให้อาจารย์สมชาย 200 ตารางวา ให้ก่อตั้งศาลเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อ ขึ้นมา เริ่มแรก หลังจากนั้นก็มีประชาชน พ่อค้า และผู้นับถือศรัทธาองค์หน่าจากันมากมาย มาสักการะ และขอพรและสมความปรารนา และสร้างิวหารประดิษฐานตามบัญชาของเอี่ยวตี้กิมบ้อขึ้น ในปี พ.ศ. 2538 ตรงกับเดือน 6 วันที่ 19 ฤกษ์ประมาณ เวลา 13.19 น.เริ่มวางศิลาฤกษ์ในวันนั้น แล้วได้ก่อสร้างเสร็จในปี 2541
และอาจารย์ได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และได้ปรึกษาคณะกรรมการและได้นำอาคารเข้าโครงการเฉลิมพระเกียรติยกเป็นอาคารเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 72 พรรษา ขอพระราชทานนามจาก สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้ทรงประทานนามวิหารว่า วิหารเทพสถิตพระกิติเฉลิม และได้ทรงเสด็จมาหล่อรูป พระพุทธธูปทั้งหมด 7 พระองค์ และทรงประทานพระบรมสารีริกธาตุ ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 9 พระองค์ และได้ เรียนเชิญ ฯพณฯ หม่อมราชวงศ์ อดุลย์กิติ์ กิติยากร องคมนตรี มาเป็นประธานในการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ในพระอบทองคำในพระเกตุของพระศรีศากยมุนี พระพุทธเจ้าขึ้นเป็นพระประธานวิหารเทพสถิตพระกิติเฉลิม